1. ความเข้มข้นของน้ำสลัด
น้ำสลัดนั้นมีหลายประประเภทให้เราเลือก ทั้งน้ำสลัดซีซาร์, น้ำสลัดโคลสลอว์, น้ำสลัดฝรั่งเศส, น้ำสลัดอิตาเลี่ยน, น้ำสลัดญี่ปุ่น หรือน้ำสลัดแบบ Thousand Island (เทาส์ซันไอแลนด์) แต่ในน้ำสลัดเหล่านี้อาจจะมีความเข้มข้นที่แตกกันซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ น้ำสลัดน้ำใสและน้ำสลัดครีม (เราได้อธิบายไว้แล้วด้านบนที่ ประเภทของน้ำสลัด)
2. ปริมาณไขมันหรือพลังงาน
บางครั้งน้ำสลัดบางยี่ห้ออาจถูกระบุว่าเป็นน้ำสลัดที่ “ปราศจากไขมัน” หรือ “ไขมันต่ำ” น้ำสลัดเหล่านี้มีปริมาณไขมันต่ำมาก ประมาณ 10-23 กิโลแคลอรี่ แม้ว่าน้ำสลัดที่ปราศจากไขมันมักจะยังมีไขมันอยู่จำนวนเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีในปริมาณที่มากพอที่จะทำให้คุณอ้วนหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากการทานสลัด ส่วนน้ำสลัดที่มีไขมันสูงจะมีไขมันในปริมาณ 20 เปอร์เซ็นต์หรือสูงกว่าและบางยี่ห้ออาจสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นก่อนจะซื้อตรวจสอบอ่านฉลากในส่วนปริมาณไขมันของผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อ
3. ปริมาณน้ำตาล
เลือกปริมาณน้ำตาลให้เหมาะสม
ควรเลือกปริมาณน้ำตาลให้เหมาะสม
ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำเป็นต้องรู้ปริมาณน้ำตาลที่น้ำสลัดมีต่อการให้บริโภคในแต่ละครั้ง เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนผู้ที่พยายามลดน้ำหนัก ควรพยายามลดปริมาณน้ำตาล เนื่องจากร่างกายสามารถเริ่มแปลงและเก็บน้ำตาลเป็นไขมันได้ โดยทั่วไปแล้วน้ำสลัดควรมีน้ำตาลน้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ หากคุณพยายามลดน้ำหนักและเป็นโรคเบาหวาน น้ำสลัดที่คุณเลือกจึงควรมีน้ำตาลน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์
4. ปริมาณโซเดียม
การบริโภคโซเดียมสูงอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่นความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ต้องการซื้อน้ำสลัดที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ หากคุณต้องการลดปริมาณโซเดียมให้ลองใช้น้ำสลัดสูตรไม่มีโซเดียมจะดีที่สุดค่ะ